ถ้าเป้าหมายเดียวของเขาเป็นเพียงแค่ "เก็บเงิน" ... ก็จะดีขึ้นจริงๆ

สวัสดีครับทุกคน เมื่อวานนี้เราไตร่ตรองถึงไบเดน (ในวันสุดท้ายของ "ยุคไบเดน"). วันนี้ฉันต้องการพูดคุยเกี่ยวกับทรัมป์ที่เข้ามาโดยเฉพาะเกี่ยวกับการออก Memecoin ที่มีชื่อเสียงของเขาซึ่งตั้งชื่อตามตัวเองในวันเข้ารับตําแหน่ง ตามรายงานของสาธารณชนเหรียญนี้พุ่งสูงขึ้นกว่า 20,000% ในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยมีมูลค่าตลาดปัจจุบันเกิน 20 พันล้านดอลลาร์ พูดตามตรงฉันใช้เวลาทั้งวันในการตกลงกับความจริงที่ว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลา "ข่าวปลอม" ที่น่าอับอายของทรัมป์ ฉันพบว่ามันไร้สาระอย่างยิ่ง—ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกจากสหรัฐอเมริกาเลือกที่จะเปิดตัว Memecoin ของเขาเองในวันเข้ารับตําแหน่ง? ผลกระทบของการกระทําดังกล่าวนั้นน่าตกใจไม่น้อยไปกว่าแม่ชีผู้มีคุณธรรมและเคร่งศาสนาที่มีชื่อเสียงไร้ที่ติทันใดนั้นก็ประกาศแผนการของเธอที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์สําหรับผู้ใหญ่ก่อนที่จะได้รับศีลจากวาติกัน เมื่อถึงจุดหนึ่งฉันยังสงสัยว่าทรัมป์ตัดสินใจที่จะไม่รับงานเลยหรือไม่

แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบ ฉันเชื่อว่าทรัมป์อาจมีแผนของตัวเอง แผนที่หากประสบความสำเร็จอาจทำให้อนาคตของสหรัฐฯ และบุคคลิกานั้นเข้าสู่หุบเขาที่ไม่รู้จักและเสี่ยงอันมากมาย โปรดอนุญาตให้ฉันใช้บทความนี้ในการวิเคราะห์ตรรกะของการกระทำของทรัมป์ รวมถึงต้นทุนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ก่อนที่จะเริ่มบทความนี้อย่างเป็นทางการฉันอยากจะขอโทษและให้คําชี้แจงแก่ผู้อ่านสองกลุ่มที่อาจกระทําความผิด กลุ่มแรกประกอบด้วยผู้สนับสนุนฮาร์ดคอร์ของทรัมป์ในประเทศจีน หากคุณเป็นผู้อ่านของฉันมานานคุณจะรู้ว่าฉันค่อนข้างเป็นมิตรและปานกลางต่อทรัมป์เสมอเมื่อเทียบกับส่วนใหญ่ในพื้นที่สื่อภาษาจีน ผู้อ่านรุ่นแรกๆ ของผมหลายคนเป็นคนเห็นอกเห็นใจทรัมป์หรือแม้แต่ผู้สนับสนุน อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าการเห็นอกเห็นใจหรือสนับสนุนทรัมป์เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่กลายเป็นการบูชาส่วนตัว หากการสนับสนุนทรัมป์ของคุณกลายเป็นสุ่มสี่สุ่มห้าตามทุกสิ่งที่เขาอนุมัติและต่อต้านทุกสิ่งที่เขาวิพากษ์วิจารณ์สิ่งนั้นแตกต่างจากการนมัสการส่วนตัวที่รุนแรงที่คุณคัดค้านและคัดค้านอย่างไร? การสนับสนุนที่ตาบอดดังกล่าวไม่เพียง แต่เบี่ยงเบนไปจากอุดมคติที่มีค่าของเสรีภาพและอนุรักษนิยม แต่ยังแสดงถึงการทรยศอย่างถึงที่สุดของหลักการของประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมในสังคมสมัยใหม่ สิ่งที่เราเชื่อและปฏิบัติตามคือความคิดและระบบ ไม่ใช่ปัจเจกบุคคล—ไม่เคยเป็นปัจเจกบุคคล ความจริงนี้ยืนอยู่เหนือข้อพิพาททางอุดมการณ์ทั้งหมด ผู้ที่ปฏิเสธที่จะยอมรับมันขาดมุมมองที่ทันสมัย ตัวละครอย่าง Black Whirlwind Li Kui จาก Water Margin ซึ่งจะฆ่าโดยไม่มีคําถามตามคําสั่งของ Song Jiang รวบรวมความคิดนี้ไว้ได้ดีกว่ามาก

ผู้อ่านกลุ่มที่สองน่าจะรวมถึงสิ่งที่เรียกว่า "crypto bigwigs" ในบทความนี้ฉันจะเอนเอียงไปทางการประเมินเชิงลบของ Memecoins (หมายเหตุ: เฉพาะ Memecoins ไม่ใช่ cryptocurrencies ทั้งหมด) แม้จะมีถ้อยคําที่ระมัดระวังเช่นนี้ แต่ฉันแน่ใจว่ายังมีผู้คนจากโลก crypto ที่วิพากษ์วิจารณ์ฉัน—"คุณกล้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าคุณไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์!" ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เมื่อมีคนลงทุนแล้วความสนใจของพวกเขาจะถูกผูกติดอยู่กับมัน ฉันมักจะไม่ปฏิเสธคุณค่าของ Memecoins เช่นเดียวกับที่ฉันไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ที่กลับมาจากการเดินทางไปยังภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้บางแห่งอย่างภาคภูมิใจอวด "หวีเงิน" หรือ "หยกเลือดไก่" ที่เกินราคาของพวกเขาว่าเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไร้ค่า

ถึงกระนั้นฉันพบว่าการวิพากษ์วิจารณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเรื่องน่าขบขัน — การรับรอง Memecoins, altcoins และเหรียญเก็งกําไรกลายเป็นสัญญาณของความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจเมื่อใด ฉันคิดว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจผิดเชิงตรรกะทั่วไป การไม่เข้าร่วมจําเป็นต้องหมายถึงความไม่รู้หรือไม่? ด้วยตรรกะดังกล่าวใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์การใช้ยาเสพติดอาจถูกมองว่า "ไม่เข้าใจความเพลิดเพลิน" และใครก็ตามที่ต่อต้านการค้าประเวณีอาจถูกตั้งคําถามว่าเป็นขันที หากสมาชิกของกลุ่มเช่นวัดประชาชนหรือ Aum Shinrikyo กลับมามีชีวิตอีกครั้งพวกเขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ประณามอาชญากรรมที่ชั่วร้ายของพวกเขาในฐานะคนที่ "ไม่เข้าใจพระเจ้าที่แท้จริง"

บางทีฉันอาจจะรุนแรงเกินไป แต่ประเด็นของฉันคือการอภิปรายที่มีประสิทธิภาพไม่เคยสร้างขึ้นจากการตบฉลากไปยังผู้อื่น ในบทความนี้ฉันจะสรุปเหตุผลสําหรับการประเมินเชิงลบโดยรวมของ Memecoins หากมีคนสามารถโต้แย้งเหล่านี้ด้วยเหตุผลและหลักฐานฉันยินดีต้อนรับการโต้แย้งของพวกเขาในความคิดเห็น อย่างไรก็ตามฉันจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องที่ถูกไล่ออกเช่น "คุณไม่เข้าใจ" ข้อกล่าวหาที่ง่ายที่สุดในโลกนี้คือหนึ่ง "คุณไม่เข้าใจ" และสอง "คุณมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น" กล่าวอีกนัยหนึ่งการแบ่งขั้ว "ไม่รู้หรือเป็นอันตราย" ที่น่าอับอาย ฉันมักจะสงสัยว่าผู้ที่ใช้ข้อโต้แย้งดังกล่าวอย่างรวดเร็วคือคนที่ไม่รู้หรือเป็นอันตราย

เอาล่ะตอนนี้ฉันได้เตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ถ้าคุณยอมรับสถานที่ข้างต้นให้ฉันพาคุณเดินทางแห่งความคิด

1. เหรียญ Memecoins ไม่ใช่เหรียญจริง

ขอให้ฉันอธิบายกับผู้อ่านที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้ก่อน: แม้ว่า Memecoin (Memecoin) ที่ออกโดย Trump จะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Bitcoin (Bitcoin) แต่ตรรกะการออกของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างมีพื้นฐาน ในการใช้สมมติฐาน Bitcoin เปรียบเสมือนกับทองในโลกของความเป็นจริง จำนวนการออกเงินรวมถูกผูกพันด้วยกฎของคณิตศาสตร์ธรรมชาติที่ได้มาจากแบบจำลองทางคณิตธรรม นี่หมายความว่า แม้ว่า Satoshi Nakamoto ผู้เสนอและออก Bitcoin ครั้งแรกรวมถึงพลังงานทางคำนวณ แต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะมี Bitcoin จำนวนเท่าไรในที่สุด การสร้าง Bitcoin ถูกกำหนดโดยเครื่องขุดเหมืองที่ไม่นับถือจำนวนมากทั่วโลก

ในทางกลับกัน Memecoins เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกัน พูดอย่างเคร่งครัด Memecoins ไม่สมควรถูกเรียกว่าเหรียญด้วยซ้ํา พวกเขาคล้ายกับแสตมป์ส่วนตัวดิจิทัลหรือป้ายที่ระลึกดิจิทัล จํานวน Memecoins ที่ออกจะถูกกําหนดโดย "เจ้าของเหรียญ" ที่ออกทั้งหมด เจ้าของเหรียญเป็น "ของฉัน" แต่เพียงผู้เดียวและผู้สร้าง Memecoin

ในความเป็นจริงแล้ว แนวคิดของ Memecoins มีต้นกำเนิดมาจากการพูดเรื่องตลกขบขันระหว่างแก่นแก้วบนอินเทอร์เน็ต เช่น Dogecoin (โดจีคอยน์) ที่ออกโทเค็นในปี 2013 โดยบิลลี่ มาร์เคัส และแจ็กสัน พาลเมอร์ ตัวละครสัญลักษณ์ของมันคือมีมชิบะอินุที่มีชื่อเสียง ผู้สร้างโดยสรุปกล่าวไว้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเลยว่า “เราแค่ตลกเท่านั้น และผู้ที่ต้องการซื้อเหรียญเหรียญนี้ก็แค่จ่ายเงินเพื่อความคิดสร้างสรรค์ของเราเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังในโลกอินเทอร์เน็ตที่"ทุกสิ่งสามารถถูกพิสูจน์" จำนวนเล็กน้อยมากของ Memecoins กลับได้รักษามูลค่าการซื้อขายไว้อย่างไม่คาดคิด

จนถึงปัจจุบัน การออกและการหมุนเวียนของ Memecoins ยังคงคล้ายกับการพนันออนไลน์มากเลยทีเดียว - ผู้ออกและนักเทรดต้องแลกเปลี่ยนจำนวนเงินบางจำนวนของ Solana (ประเภทของคูปอง) เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐบนเว็บไซต์ก่อน ลงทะเบียนกระเป๋าเงิน Memecoin ของพวกเขา แล้วพวกเขาก็สามารถเริ่มต้นการเทรดหรือการออกเหรียญได้ เว็บไซต์ไม่ยืนยันคุณสมบัติของผู้ออกเหรียญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นโดยทฤษฎีแล้ว ใครก็สามารถ (และไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์—คุณยังสามารถนำเข้าชิบะอินุ) สามารถเปิดเหรียญ "coin" บนแพลตฟอร์มเช่นนี้ได้ มูลค่าของ Memecoins หลังจากการออกเหรียญนั้นขึ้นอยู่กับว่าคนจะพร้อมจ่ายเงินเท่าไหร่ในการซื้อพวกเขา—กล่าวคือ มูลค่าของ Memecoins ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสามารถสร้าง "ความเห็นทั่วไป" เท่าไหร่ในกลุ่มผู้ชื่นชอบของพวกเขาและในทางกลับกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้สนับสนุนของพวกเขาคือใคร มันเป็นวิธีหนึ่งในการทำเงินจากความนิยมของคนดัง

จะได้ยินดูเหมือนเหรียญ Memecoins ไม่ใช่สกุลเงินแต่เป็นเช่นรูปถ่ายที่ได้ลายเซ็นส่วนตัว, ประทับตราส่วนตัวหรือเหรียญบรรจุความทรงจำที่สิ่งที่เหลือเกินให้กับไอดอลไปให้แฟนคลับในอดีต? ใช่ การลดความสว่างวางเทคนิคที่เป็นผลิตภัณฑ์สมมูลที่เป็นรูปธรรมนูญนักเรียนเนี่ย พวกเขาไม่เหมือนบิตคอย และไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือกระจายอำนาจ -- ในทางกลับกัน, กลไกการออกของพวกเขาเป็นที่ตรงกันข้ามของบิตคอย ยิ่งกว่าสกุลเงินที่เป็นศูนย์กลาง, ศูนย์กลางที่ใกล้ชิดกับผู้ออกเหรียญ

นี่คือจุดสำคัญมาก สำคัญมากสำหรับภายหลัง

เนื่องจากเหตุนี้บนแพลตฟอร์ม Solana chain ที่ทรัมป์ประกาศเหรียญเงินของเขา มีการออกโทเค็น Memecoins ล้านๆ เหรียญต่อปี แต่จำนวนที่รักษามูลค่าการซื้อขายหลังจากเดือนแรก (หมายความว่า Memecoin ที่คุณถืออยู่ยังสามารถขายได้หากมีคนต้องการซื้อ) คือหนึ่งในล้าน 99.9999% ของ Memecoins นั้นเป็นการเล่นเกมร้อนๆ และการพนันออนไลน์

สรุปแล้ว เมโมคอยน์ไม่มีคุณสมบัติใด ๆ เพื่อเป็นสกุลเงินที่ถูกต้องเทียบกับสกุลเงินจริง

ตัวแทนมีทรัพย์สินไม่มีการออกเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียงเสียง

อันดับสอง พวกเขาขาดการควบคุมและกำกับทางประสานธนาคารที่มีประสิทธิภาพ

Memecoin จะประสบปัญหา "การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน" หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์และมโนธรรมของผู้ออกเหรียญ กระนั้นเมื่อเผชิญกับสิ่งล่อใจมหาศาลไม่มีผู้ออก Memecoin คนใดที่กินเวลานานกว่าสามปีโดยไม่ต้องถอนเงินออกทั้งหมด มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าฉันทามติและมโนธรรมของมนุษย์ยังไม่คืบหน้าพอที่จะกระจายอํานาจระบบการกํากับดูแลของธนาคารกลางและการพึ่งพา "ข้อตกลงของสุภาพบุรุษ" ระหว่างผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียและแฟน ๆ ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะรักษามูลค่าของสกุลเงิน อย่าทดสอบธรรมชาติของมนุษย์

สุดท้ายแล้ว และสำคัญที่สุดคือ มันไม่มีความยากจนแบบเดิมเหมือนสกุลเงินดั้งเดิมหรือแม้แต่บิตคอยน์

การออกเหรียญสกุลเงินดั้งเดิมจะต้องผูกพันกับสำรองเงิน และการออกเยอะเกินไปจะทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้น จำนวนบิตคอยน์ที่ออกมาจะผูกพันกับคณิตศาสตร์ หากยกเว้นเทพเจ้าที่เปลี่ยน 1+1 ไม่เท่ากับ 2 จะไม่มีใครสามารถสร้างบิตคอยน์มากขึ้นได้

แต่ที่ความหายากของ Memecoins อยู่ไหน? ไม่มีเลย มันอยู่ทั้งหมดในอารมณ์ของผู้ออกเหรียญ

ตัวอย่างเช่นประกาศของทรัมป์ที่เหรียญ "ทรัมป์" ของเขาจะออกเพิ่มเติมอีก 200 ล้านเหรียญและออกอีก 800 ล้านเหรียญในภายหลังเพื่อรวมเป็นเหรียญหนึ่งพันล้านเหรียญเป็นเพียงแค่อารมณ์และลักษณะของเขาเท่านั้น

นี่คือเหตุผลที่ผู้ออกโทเค็นส่วนใหญ่เลือกถอนเงินและหนีไปในบางจุด - พวกเขาไม่สามารถต้านความล่วงล้ำของนิสัยมนุษย์ได้

และฉันคิดว่าคำแถลงการณ์ของทรัมป์เกี่ยวกับการออกเหรียญก็ชัดเจนเช่นกัน ให้ความสนใจกับทวีตของเขา; เขากล่าวว่าเขากำลังเผยแพร่เหรียญนี้เพื่อ “ฉลอง” ความชนะของเรา

อะไรควรออกเพื่อเฉลิมฉลองบางสิ่ง? รูปถ่ายที่ลงลายมือชื่อ, เหรียญที่ระลึก?

เมื่อคุณเคยได้ยินเรื่องของประเทศที่ออกเงินตราฟีแอตเพื่อฉลองบางสิ่งหรือย่อมเช่นไรบ้าง?

แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นก็ตาม ประเทศดังกล่าวก็จะอยู่บนขอบเขตของการพังทลาย

ดังนั้น โมเมคอยน์ไม่ใช่สกุลเงินเลย และชื่อทางเลือกของพวกเขา ก็คือ เหรียญแบบแชนไฮ หรือ เหรียญปลอม แท้จริง สะท้อนความเป็นธรรมแห่งพวกเขา

แต่นี่คือปัญหาเมื่อเราวิเคราะห์ด้วยวิธีนี้ - ถ้าทรัมป์เข้าใจลักษณะของเหรียญ Memecoins อย่างแท้จริง ทำไมเขายังยืนกรานที่จะออกโทเค็นอยู่?

ชายคนหนึ่งเหมือนทรัมป์ ผู้ที่ไม่ขาดแคลนเงิน แน่นอนไม่เหมือนผู้มีอิทริยเซอร์ระดับต่ำที่แค่ตั้งหน้าตั้งตาเพื่อ “โกงผู้ลงทุนรายส่วนให้เขาเป็นที่รู้” และหาเงินง่าย ๆ ถูกไหม? ถ้าเป็นกรณีนั้น เขาคงรอจนถึงสี่ปีต่อมาเพื่อทำ

แน่นอนว่า นั่นไม่ใช่เรื่องสุดท้าย เขามีความมุ่งมั่นที่ใหญ่กว่านั้นอีกมาก

ความทะเยอทะยานมากขนาดที่หลังจากนั้นหลายปี ขณะที่คนอเมริกันมองกลับไปที่สิ่งนี้ พวกเขาอาจปรารถนา: "นายทรัมป์ คุณแค่พยายามหลอกเอาเงินของบางคนไปอย่างเดียว..." และนั่นอาจเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด!

2. ทรัมป์แค่พยายาม "ฉีกนักลงทุนรายย่อย" หรือไม่?

ขอให้ฉันขอปิดเสียงข่าวลือเรื่องทรัมป์ก่อน หลังจากเหตุการณ์นี้ มีคนจำนวนมากในวงการอินเทอร์เน็ตจีนได้กระจายข่าวลือว่า “ทรัมป์ออกโทเค็นและหาเงินได้หลายพันล้าน (แม้จะถอนเงินออก ‘xxx พันล้านดอลลาร์’)” สิ่งนี้ไม่ถูกต้องและในความเป็นจริงบางคนได้ละเลิกความจริงเพื่อโจมตีทรัมป์

ไม่ว่าจะเป็น 24,000 ล้านดอลลาร์หรือ 100,000 ล้านดอลลาร์ล่าสุดสิ่งที่ถูกอ้างถึงคือมูลค่าตลาดรวมของ "เหรียญทรัมป์" ที่ออกในปัจจุบัน ด้วยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาดหุ้นเรารู้ว่ามูลค่าตลาดรวมไม่สามารถเทียบได้โดยตรงกับจํานวนเงินที่สามารถ "ถอนออก" หรือ "ทํา" การมีเงินล้านไม่ได้หมายความว่าคุณรวยถ้าเป็นเพียงสินทรัพย์ หากทรัมป์ตั้งใจจะทําตามแบบอย่างของผู้มีอิทธิพลสายตาสั้นบางคนโดยการถอนเงิน "เหรียญทรัมป์" ทั้งหมดของเขามันจะคล้ายกับการ "ล่มตลาด" ในหุ้น มูลค่าของเหรียญทรัมป์จะลดลงอย่างรวดเร็วและพื้นที่การเก็งกําไรของเขาจะลดลงพร้อมกับความน่าเชื่อถือของเขา เงินที่ถอนออกจะยังคงมีขนาดใหญ่ แต่มันจะน้อยกว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันของเหรียญทรัมป์

และตามความเท่าความจริง ทรัมป์มีธุรกิจ; เขาไม่ใช่บางคนที่พูดถึงกับการต้องการจะหาเงินจากชื่อเสียงที่มีอย่างแรง การลดการออกเหรียญของเขาให้เป็นเพียงการหาเงินเลี้ยงชีพก็น่าขำๆ — ตามสถิติปี 2024 ทรัมป์มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3.2725 พันล้านดอลล่าร์

ดังนั้น จำนวนเงิน 3.2 พันล้านดอลลาร์เปรียบเทียบกับข่าวลือเกี่ยวกับ "หลายพันล้าน" ที่เขาได้รับจริงหรือไม่? จริงๆ แล้วไม่มีความแตกต่าง

ดังนั้น การบุกเข้ามากล่าวว่าทรัมป์ได้รับผลประโยชน์อย่างมากเป็นความโง่เขลาและไร้สาระความหมาย มันเหมือนคนชาวนาที่จินตนาการว่าถ้าเขาเป็นจักรพรรดิ์ “ปุ๋ยของหมู่บ้านทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน” นั่นคือการเข้าใจผิดที่สมบูรณ์แบบในเจตนาจริงๆ ของทรัมป์

ดังนั้นทำไมทรัมป์คนไม่มั่งคั่งถึงจะออกเหรียญ? จากข้อมูลปัจจุบันฉันคิดว่าเป้าหมายของเขาน่าจะเป็นการยึดครองหรือเอกรัฐพรรคสีฟ้าในการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา

กองทุนรณรงค์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของระบบสองพรรคในสหรัฐอเมริกา พรรครีพับลิกันและเดโมแครตหรือแม้แต่ฝ่ายต่างๆ ภายในพรรคต่างก็ต่อสู้เรื่องเงินเป็นหลัก การเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 สร้างสถิติใหม่ กลายเป็นการเลือกตั้งที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายใช้เงินรวมกัน 15.9 พันล้านดอลลาร์ มาตราส่วนนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทําให้ "เหรียญทรัมป์" มีมูลค่าที่มีศักยภาพที่แท้จริง

แต่อย่างที่พวกเขาพูดว่า ขนมาจากควาย ในที่สุดเงินทุนการเลือกตั้งถูกสร้างขึ้นมาจากผู้สนับสนุนหรือธุรกิจยักษ์ใหญ่ แต่ว่าวิธีการเก็บเงิน การจัดการเงิน และการใช้จ่ายเงินเสมอเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการกระจายอำนาจภายในพรรคสามัญชนสามัญชนได้เสมอ

ผมจําได้ว่าการเลือกตั้งปี 2016 เมื่อฮิลลารีและทรัมป์วิ่งแข่งกัน พรรคประชาธิปัตย์มีเรื่องอื้อฉาวภายในที่น่าสนใจ ในขณะที่โอบามากําลังจะออกจากตําแหน่งเขามีรายชื่อผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่จากการรณรงค์ของเขาเอง ตามประเพณีของพรรคเดโมแครตโอบามาควรส่ง "รายชื่อผู้บริจาค" ที่สําคัญนี้ให้กับฮิลลารีผู้ได้รับการเสนอชื่อโดยตรง

แต่โอบามาไม่ได้ทำเช่นนั้น! แทนที่นั่น เขาส่งรายชื่อให้กับคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการเลือกตั้งพรรคเสมือนกัน ซึ่งจากนั้นถูกส่งต่อให้ฮิลลารี ความล่าช้านี้ทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก และฮิลลารีแพ้ให้กับทรัมป์ในปีนั้น โดยบางส่วนของความผิดนั้นตกที่โอบามา ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในสภาพความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป

แต่ทำไม Obama ต้องทำเช่นนี้? มีคำอธิบายหลายอย่าง

มีคนบางคนกล่าวว่าสิ่งนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งที่ยาวนานระหว่างครอบครัวโอบามาและครอบครัวคลินตันโดยโอบามาไม่เต็มใจในการสนับสนุนความพยายามในการระดมทุนของฮิลารีโดยใช้ชื่อเสียงของตนเอง

คนอื่นๆ โต้แย้งว่าการกระทำของโอบามาเป็นความพยายามในการสิ้นสุดการปฏิบัติของพรรคเดโมแครตซึ่งมีเอกลักษณ์การพร้อมให้บริจาคและซื้อขายสิทธิ์ทางการเงินโดยที่ครอบครัวใหญ่มอบให้และซื้อขายอย่างลับๆ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดแบบเอฟเฟกต์การมีธรรมเชิงพระเจ้าในพรรคเช่นครอบครัว บรรดาบุคคลมีอิทธิพล และฝ่ายครอบครัว คล้ายๆ กับโครงสร้างของมาเฟียนิวยอร์ก

แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ความจริงก็ยังคงอยู่ว่าผู้ควบคุม 'สิทธิ์ในการระดมทุน' คือ คุณนายที่มีอำนาจ ครอบครองกุญแจเพื่อตัดสินใจว่าผู้สมัครของพรรคจะได้รับการเลือกหรือไม่

ความจริงนี้เป็นเช่นเดียวกันกับพรรคสามัญชนและพรรคประชาชน

ในฝั่งของพรรคสาธารณรัฐหลังจากการจลาจลในคองเกรสปี 2021 และการทรยศของฐานะส่วนการปกครอง ทรัมป์ที่กลับมาในปี 2024 ได้มุ่งเน้นในเรื่องเดียว: พยายามเปลี่ยนแปลงพรรคสาธารณรัฐทางดั้งเดิมให้กลายเป็นพรรค MAGA ส่วนตัวของเขา ในความจริง เขาเข้าใกล้ที่จะสำเร็จในเรื่องนี้ในปีที่ผ่านมา

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทรัมป์คือความเป็นจริงที่ในการเลือกตั้งปี 2024 กองทุนการเลือกตั้งของพรรคสามัญชนไม่ไปยังบัญชีของพรรคเหมือนเดิมแต่ไปยังบัญชีส่วนตัวที่ควบคุมโดยทีมงานการเลือกตั้งของทรัมป์ นั่นหมายความว่าการใช้เงินกองทุนการเลือกตั้ง กลยุทธ์การเผยแพร่ ผู้ที่ได้รับเงินสนับสนุนและผู้ที่ไม่ได้รับเงินสนับสนุน เป็นการตัดสินใจที่ทำโดยทรัมป์เองเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2567 กิจกรรมลงคะแนนเสียงของพรรคสีฟ้าไม่มีโครงการใด ๆ ที่ทรัมป์ถือว่า “ไม่จำเป็น” หรือแม้แต่โครงการที่ขัดขวางมุมมองของเขาเช่นที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2563

ฉันต้องบอกว่าการใช้จ่ายของเขาแน่นอนเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าสถานบริการของพรรคสามัญ

และคุณสามารถจินตนาการได้ว่าหากแบบจำลองนี้ยังคงต่อไปในอนาคต แม้ว่าทรัมป์จะถูก จำกัด โดยการรับราชการและไม่สามารถเข้ารับตัวเลือกในการเลือกตั้งครั้งถัดไปสี่ปีหลังจากนี้ “ผู้สืบทอด” ที่พรรคสามารถทารก็จะมาจากทีมของทรัมป์แน่นอน หรือก็คือจาก

“พรรค MAGA.”

แต่เราจะทำอย่างไรให้แน่ใจว่า "อนาคตที่理想" นี้เป็นความจริง?

คำตอบอาจอยู่ใน—Trump coin.

ในส่วนแรกของบทความ เราวิเคราะห์ว่าเหรียญมีม (คำนี้ยุ่งยากเกินไป ให้เรียกเหรียญมีมเป็นอนุมาน) ไม่มีมูลค่าจริง และในอดีตพวกเขาใช้เพียงเพื่อหาเงินจากผลกระทบของเซเลบริตี้ในอินเทอร์เน็ต การสะสมเงินจากนักลงทุนรายย่อยในครั้งต่อไปแล้วหลบหนี

แต่กับทรัมป์เขาอาจพัฒนาการใช้งานให้กับเหรียญมีมในทางที่แตกต่าง - ทรัมป์อาจใช้เหรียญมีมเพื่อ "แก้วกาฬ" การสนับสนุนของประชาชนอเมริกันต่อพรรคสาธารณรัฐซึ่งมักจะสูงสุดในช่วงเวลาเลือกตั้งและแปลงมันเป็นการสนับสนุนและการเคารพส่วนตัวในระยะยาวสำหรับเขา

ให้สรุปได้อย่างง่ายๆ:

หากคุณเป็นผู้ลงคะแนนเสื้อกลาง-ขวาหรือขวาในสหรัฐฯ คนที่เห็นด้วยกับความคิดของพรรคสาธารณรัฐและสนับสนุนมุมมองของทรัมป์โดยทั่วไป วิธีหลักในการแสดงความสนับสนุนของคุณต่อพรรคและทรัมป์ในอดีตคือการบริจาคเงินไปยังบัญชีของพรรคในช่วงการเลือกตั้ง หรือบางทีอาจจะเป็นการเสนอช่วยในการแจกแผ่ความคิด

แต่เมื่อเหรียญของทรัมป์ออกมาแล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลง ตอนนี้หากคุณมีความกระตือรือร้นในพรรคขวาและต้องการตะโกนว่า “ทำให้เอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทรัมป์เป็นกษัตริย์!” หรือ “ทำให้เอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง!” คุณสามารถเข้าสู่บล็อกเชน Solana ได้ทันที ใช้เงินจริงของคุณเพื่อซื้อเหรียญทรัมป์บางส่วน และบอกตัวเองว่า “ฉันกำลังแสดงความสนับสนุนผ่านการกระทำ!”

ในทางนี้ ส่วนนั้นของการสนับสนุนถูกเข้มแข็งโดย Trump coin

และความกระตือรือร้นของผู้ลงคะแนนเสียงขวาของอเมริกาจึงถูก 'ย่อย' (หรืออย่างแม่นยำกว่าคือ 'เก็บไว้') ในพื้นหลัง

แต่โปรดทราบว่ากระบวนการย่อยอาหารและเก็บรักษานี้จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพรรคสามัญสากล แต่จะเป็นประโยชน์ส่วนตัวของทรัมป์

สี่ปีต่อมาเมื่อพรรครีพับลิกันจําเป็นต้องใช้พลังงานที่เก็บไว้นี้เพื่อจัดระเบียบการรณรงค์ของพวกเขาพวกเขาจะตระหนักว่าวิธีการระดมทุนแบบดั้งเดิมอาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ผู้สนับสนุนจะพูดว่า "ฉันซื้อเหรียญทรัมป์แล้ว!" เมื่อถึงจุดนั้นพรรครีพับลิกันจะต้องขอร้องทรัมป์ซึ่งได้ "เก็บ" กองทุนปีกขวาไว้แล้ว

และไม่ว่าเงินนั้นจะได้รับหรือไม่และไปให้ใครจะขึ้นอยู่กับความตั้งใจของ "จักรพรรดิทรัมป์"

เราสามารถสร้างสมมติฐานที่เข้มข้นมากขึ้นได้ (แม้ว่าจะอ้างอิงจากความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ปัจจุบัน ผมก็คิดว่าสมมติฐานนี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ฟิคชั่นมากเกินไป):

ถ้าในอีกสี่ปีข้างหน้า สกุลเงิน Trump coin ไม่ลดลงเหมือนเหรียญมีมแบบธรรมดา แต่ยังคงหมุนเวียนในราคาซื้อขายสูง จะเกิดอะไรขึ้นต่อมา?

สรุปคือมันอาจจะกลายเป็น "โทเค็นสากล" ที่จัดการกับเงินทุนการเลือกตั้งภายในกลุ่มทางการเมืองขวาของอเมริกา

ตัวอย่างเช่นหากผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นสร้างความประทับใจให้กับทรัมป์ด้วยคําพูดและการกระทําของพวกเขาทรัมป์สามารถให้รางวัลแก่พวกเขาด้วย "เหรียญทรัมป์" หลายหมื่นเหรียญซึ่งพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนกับผู้สนับสนุนฝ่ายขวาเพื่อระดมทุนในการรณรงค์และบางทีพวกเขาอาจได้รับเลือกเป็นสภาคองเกรส

หากสมมติฐานนี้กลายเป็นความเป็นจริง จะหมายความว่าทรัมป์ไม่เพียงแค่ควบคุมการเงินสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีพรรคสามารถทุก ๆ สี่ปี แต่ยังควบคุมเงินทุนสำหรับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนรัฐ ผู้ว่าการรัฐ และอาจเป็นกำลังการเงินของแคมเปญสื่อข่าวสารทางขวา

สิ่งนี้จะแสดงถึงระดับควบคุมที่ละเอียดอ่อนและน่ากลัวอย่างมาก พลังขับเคลื่อนและการเป็นเผด็จการศักดิ์สิทธิ์ของมันจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาใคร่ครวญ

ดังนั้นการมองเห็นของทรัมป์คือคม ตามที่วิเคราะห์ในส่วนแรก โทเค็นมีลักษณะที่แตกต่างอย่างเน้นทุกข้อจากบิตคอยน พวกเขาไม่ได้ถูกตั้งอยู่ในรูปแบบที่กระจาย; ในความเป็นจริงพวกเขายังเป็นที่กระจายมากกว่าสกุลเงินทั่วไป ทรัมป์ระบุเห็นด้วยกับสิ่งนี้และเลือกโทเค็นมีมที่ใกล้เคียงกับการพยายามที่เขามี

จักรพรรดิ์โรมันเคยประทับหน้าตนบนเหรียญ ซึ่งเป็นการครอบครองสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวของอำนาจธนาคาร ในความเป็นจริง จักรพรรดิ์โรมันไม่มีทางควบคุมหรือจำกัดการไหลของเงินทุนทางการเมือง

แต่ถ้า "Trump Coin" ของทรัมป์ประสบความสำเร็จ มันจะทำให้มีระดับควบคุมที่ไม่เคยมีมาก่อนและน่ากลัวต่อการเมืองของสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตามความทะเยอทะยานของผู้ชายแข็งแกร่งใดก็ตามมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย

เราต้องถามว่าอเมริกาจะต้องจ่ายราคาเท่าไรสำหรับการกระทำของทรัมป์?

3. ความแปลกแยกของ "Marius' Marius" ของอเมริกา

ในประวัติศาสตร์โรมันโบราณ มีแนวคิดที่มีชื่อเสียงที่เรียกว่า “Marius’ Marius,” และนักประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นเพียงนี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงและการห่างหายของโรมจากสาธารณรัฐเป็นจักรวรรดิ์

เพื่ออธิบายง่ายๆ ส่วนนี้ของประวัติศาสตร์ได้กลายเป็นดังนี้- โรมโบราณตามระบบที่ทหารก็เป็นเกษตรกรด้วย พลเรือนโรมมีการเกษตรและธุรกิจในช่วงสงบ เมื่อสงครามเกิดขึ้นพวกเขาจะลากจากงานของตน ให้อาวุธและพัสดุของตนเอง และมีส่วนร่วมในการป้องกันชาติบ้าน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสงครามของโรมกับศัตรูต่างชาติเพิ่มขึ้นและยืนยาวขึ้น ระบบของพลเมืองทหารคนละครึ่งก็เริ่มไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของการต่อสู้ หลังจากสงครามโพนิกซ์ครั้งที่สองที่โหดร้ายและสงครามจูกูร์ทีน คณะรัฐมนตรี Marius ผลักดันสู่การปฏิรูปทหารที่รู้จักกันด้วยชื่อ "ปฏิรูปทหาร Marius" ซึ่งมีชื่อตามเขาเอง

โดยรวมแล้วเนื้อหาของการปฏิรูปมาเรียนคือการเปลี่ยนแปลงของอดีตกองทัพพลเมืองเป็นกองทัพรับจ้างมืออาชีพ มันกําหนดว่าพลเมืองโรมันที่สมัครใจและมีคุณสมบัติเหมาะสมรวมถึงผู้ที่ไม่มีทรัพย์สินสามารถเกณฑ์ทหารได้ รัฐจัดสรรเงินโดยตรงจากคลังให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเผด็จการในยามสงครามซึ่งใช้เงินเหล่านี้เพื่อซื้ออาวุธหรือแปลงเป็นปันส่วนซึ่งแจกจ่ายให้กับทหาร ในระยะสั้นการปฏิรูปมาเรียนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของกองทัพโรมันอย่างมากและโรมก็เริ่มเส้นทางสู่การขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในระยะยาวการปฏิรูปมาเรียนทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงร้ายแรงสําหรับกรุงโรม: สถานะของทหารได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพพวกเขาไม่ใช่พลเมืองธรรมดาที่ติดอยู่กับบ้านเกิดดินแดนและครอบครัวที่ห่างไกลอีกต่อไป แต่เป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่จะทําอะไรก็ได้ตราบใดที่นายพลหรือผู้ว่าราชการจังหวัดจ่ายเงินให้พวกเขาปันส่วน และรางวัลที่สัญญาไว้ โครงสร้างทางการเงินที่เคยรักษาสาธารณรัฐโรมันก็เปลี่ยนไปเช่นกันในขณะที่ในอดีตทหารพลเมืองจัดหาอาวุธและปันส่วนของตนเองเพื่อปกป้องบ้านของพวกเขาระบบการเงินทางทหารทั้งหมดไม่เป็นระเบียบและกระจายอํานาจ ตอนนี้อํานาจทางการเงินในการควบคุมปันส่วนของทหารและกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ทหารยังเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงว่า "Dominus" (ละติน: master, lord) ซึ่งแสดงความจงรักภักดีต่อพวกเขาเป็นการส่วนตัว เป็นผลให้ผู้ว่าการรัฐมีอํานาจมากเกินไปในที่สุดก็ปูทางให้กับบุคคลเช่นซีซาร์ที่ข้ามรูบิคอนเดินขบวนกลับไปคุกคามวุฒิสภาและกลายเป็นเผด็จการตลอดชีวิต

คำว่า “Marius' Club” ปรากฏขึ้นในจุดนี้ เมื่อทหารผูกทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา รวมถึงอุปกรณ์ ค่าจ้าง และของรางวัลจากสงคราม ให้เหมือนกับกองทัพผูกเป็นลูกบาศก์แล้วผูกเข้ากับไม้ ซึ่งพวกเขาจะพกพาไป พวกเขาเรียกมันด้วยคำเล่นเรียกว่า “Marius' Club” การผูกพันกับทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นพลเมืองถูกแทนที่แล้ว และทหารรับรองความภักดีเพียงอย่างเดียวกับ “Marius' Club” และ “Dominus” ที่อยู่ข้างหลังไม้ ซึ่งให้การอาหารเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา

ไม้นี้สุดท้ายนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์โรมัน

เปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่เคยเป็นและตอนนี้เราสามารถเห็นได้ว่าการออกของทรัมป์เหรียญ 'ทรัมป์' อาจกลายเป็น 'ชมรมแห่งมาริอุส' ที่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา ต้นกำเนิดของนักการเมืองเช่นประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาแม้จะมีอิทธิพลอย่างมาก แต่ไม่สามารถแปลงอำนาจของตนให้เป็นเงินได้ทันที ความเป็นนักการเมืองของประธานาธิบดีต้องใช้เครือข่ายทั้งหมดของพรรคการเมือง สื่อที่สอดรับความคิดของพรรค มูลนิธิ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือระบบการเงิน เพื่อเกิดการเคลื่อนไหวให้กับผู้สนับสนุนและแปลงอำนาจนั้นเป็นอำนาจทางการเมือง

ในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงนี้ การอุทธรณ์ของประธานาธิบดีจะถูก จำกัด โดยชุดเครื่องมือกลายเป็น ในกระบวนการที่ทำให้การเคลื่อนไหวนี้สำหรับประธานาธิบดี เริ่มขึ้น จำนวนมากของชาวสังคมชั้นสูงจะถาม: การร้องขอของประธานาธิบดีถือเป็นเรื่องถูกกฎหมายหรือไม่? มันสอดคล้องกับประเพณีและมารยาททางการเมืองของอเมริกาหรือไม่? มันสอดคล้องกับประโยชน์สำคัญของคุณหรือไม่?

หากไม่มีการประสบความสำเร็จนี้การเรียกเก็บเงินไม่สามารถทำได้

นี่เป็นแรงกดขี่ที่มีอำนาจที่สุดในการผูกขาดสิทธิของนักการเมืองในการกระทำอย่างสมบูรณ์

ตัวอย่างที่สำคัญที่สุดคือเหตุการณ์ "การเผาไหม้ Capitol Hill" ในปี 2021 จริงๆ

ถึงแม้ทรัมป์จะมีเจตนาและอำนาจในการเรียกให้ผู้สนับสนุนของเขา "ฟุดฟิดและลุกขึ้น" ในขั้นตอนนี้ แต่เขาไม่สามารถเรียกใช้รัฐบาลและระบบพรรคสามัญที่เชื่อฟังเขาทฤษฎีอย่างเต็มที่เพื่อให้การเร่งรีบนี้มีความถูกต้องและการสนับสนุนที่ตามมา ดังนั้น การเคลื่อนไหวในที่สุดล้มเหลว

甚至特朗普自己的Twitter帐户也在事件后被禁止。

อย่างไรก็ตามแนวทางใหม่ของทรัมป์อาจหลีกเลี่ยงระบบการกํากับดูแลที่เป็นผู้ใหญ่นี้เพราะผ่าน Trump Coin เขา "สร้างรายได้" จากอิทธิพลของเขาโดยตรง ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ระบบนี้จะแทนที่สถาบันการระดมทุนก่อนหน้านี้ของพรรครีพับลิกันและ "เก็บพลังงาน" สําหรับการสนับสนุนฝ่ายขวาในอเมริกา ในอนาคตเมื่อจําเป็นทรัมป์สามารถใช้ Trump Coin เพื่อจัดสรรเงินทุนให้กับผู้สนับสนุนของเขาโดยตรงสําหรับกิจกรรมทางการเมือง

ในทางนี้ อำนาจการเมืองของผู้ลงคะแนนเสียงที่สนับสนุนทรัมป์ถูกแปลงให้กลายเป็นอำนาจทางการเงินทันที และจากนั้นอำนาจทางการเงินจะถูกแปลงกลับมาเป็นอำนาจการเมือง ที่เป็นประโยชน์ตรงๆ แก่ผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างมั่นคง มันเหมือนระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในรถถังพอร์เช่ที่ถูกชื่นชอบของฮิตเลอร์ - โดยการเลี่ยงไปรอบ ๆ มัน ทรัมป์กำลังหลบเลี่ยงข้อจำกัดของการเมืองอเมริกันที่ถูกควบคุมโดยชั้นบรรดาศักดิ์สิทธิ์

ผลลัพธ์คือว่าเหมือนหลังจากการปรับปรุงของมาเรียน ผู้ว่าการจังหวัดไม่อยู่ภายใต้ควบคุมระยะไกลของสาธารณรัฐอีกต่อไป ทรััมป์ก็ปลดตัวเองจาก “รัฐลึก” (ในความเป็นจริง ระบบการเคลื่อนไหวของพรรคที่มีอยู่) ที่เขาเกลียดชัง แต่เช่นเดียวกับไม้มาเรียนที่เป็นทางเลือกสำหรับซีเซียร์ที่จะ “ข้ามแม่น้ำรูบิคอน” ทรััมป์จะทำอะไรกับ “ไม้มาเรียน” ที่ไม่มีข้อจำกัดของเขา? ไม่มีใครรู้

จำไว้ว่า "เส้นทางที่สะดวก" ที่วิ่งเบนข้อจำกัดของระบบเดิมจะถูกสร้างขึ้นเสมอโดยผู้มีความทะเยอทะยานและถูกบิดเบือนและนำไปใช้ในทางที่ผิดปกติโดยกลุ่มนักลงทุนที่ลิขิตอย่างทะลุจนใจไป

ประเภทของความหยาบคายเหล่านี้ปรากฏขึ้นใน "วิกฤติของศตวรรษที่สาม" ในจักรวรรดิโรมัน - ที่ Praetorian Guard ประมูลตำแหน่งจักรพรรดิ และผู้เสนอราคาสูงที่สุดได้รับชัยชนะ โรมที่เป็นเจ้าของอธิปไตยกลายเป็น "โครงการเกษตรกรรม" สำหรับจักรพรรดิและ Praetorian Guard ให้ใช้ประโยชน์ เปลี่ยนการปกครองที่เป็นเป็นธรรมเป็นธุรกิจน่าอับอาย นี่คือผลลัพธ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อการปฏิรูปทางทหารของ Marian โดยผู้ว่าการจังหวัดเลี้ยงทหารโดยตรง ถูกนำมาใช้ในครั้งแรก

วิธีคิดเหมือนเดิมใช้ในที่นี้เช่นกัน หากแผนของทรัมป์ในการออกเหรียญดิจิทัลประสบความสำเร็จ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอาจจะเปลี่ยนไปอย่างไร้เหตุผลมาก ยกตัวอย่างเช่น บุคคลทางการเมืองสามารถประกาศตัวเองเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี เรียกร้องถึงกลุ่มคนที่สุดขีดด้วยนโยบายที่กระทำอย่างรุนแรง และเมื่อประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง หรือแม้แต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อความไม่เห็นด้วย ประกาศอย่างเป็นทางการว่า "ออกเหรียญ" แล้วนำมันไปใช้ประโยชน์เพื่อหาเงินทองและหายไป

ในกรณีเช่นนั้น การเมืองจะไม่ได้เป็นการเมืองอีกต่อไป เสียงขวัญ โดยเฉพาะเสียงขวัญที่เข้มข้นจะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ที่มีแรงจูงใจที่ไม่ดีในการหากำไร

แม้ว่าฉันเชื่อว่าทรัมป์เองไม่ได้มุ่งเป้าไปที่สิ่งนี้ - เป้าหมายของเขาหลังจากประสบการณ์สี่ปีที่ผ่านมาน่าจะขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะแก้แค้นเพื่อข้าม Rubicon กับสถานประกอบการของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันและควบคุมสถานการณ์ - ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็น "ผู้เสนอญัตติคนแรก" ในเรื่องนี้ เขาจะเป็นคนลดช่องว่างระหว่างการเมืองและเงินสร้างช่องทางการแลกเปลี่ยนที่ครั้งหนึ่งเคยถือว่าเป็นไปไม่ได้จึงวางรากฐานสําหรับการทุจริตสถาบันที่สะดวกยิ่งขึ้นในสหรัฐอเมริกา

ให้ฉันเตือนอีกครั้ง - การ "shortcut" ใด ๆ ที่วิ่งเลี่ยงข้อจำกัดของสถาบันที่มีอยู่เสมอจะถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลที่มีความทะเยอทะยานและสุดท้ายจะถูกบิดเบือนและทำลายโดยกลุ่มของนักลงทุนที่โลภ

ความสำคัญและเสน่ห์ของบุคคลทางการเมืองเช่นประธานาธิบดีคืออะไรแม่นยำและดูเหมือนเป็นสินทรัพย์ของสาธารณชน นี่ไม่ใช่อิทธิพลที่ทรัมป์ครอบครองอยู่เพียงอย่างเดียว เป็นผู้คนที่สนับสนุนคุณทรัมป์เพราะคุณแทนความปรารถนาทางการเมืองของชาวอเมริกันหลายคน

แต่เมื่อทรัมป์สร้างรายได้จากอิทธิพลสาธารณะนี้ผ่านสกุลเงินดิจิทัลความมั่งคั่งที่เขาได้รับจากมันเป็นเรื่องส่วนตัว แม้ว่าเขาจะนําเงินนี้ไปลงทุนในกิจกรรมทางการเมืองผ่าน "Trump Coin" แต่อิทธิพลทางการเมืองที่ได้มาจากเงินดังกล่าวจะสะท้อนถึงเจตจํานงส่วนตัวของเขาเท่านั้น

นี่เป็นรูปแบบที่ซับซ้อนที่สุดของการฟอกเงินแบบ 'เงินเทียบ' (การล้างเงินผ่านอิทธิพล) และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการแปลงสาธารณะเป็นส่วนตัว

และระบบอเมริกันสามารถยับยั้งการอาละวาดของทรัมป์ได้หรือไม่? ดูเหมือนว่าจะยากในขณะนี้

จริงๆ แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสามารถออกกฎหมายที่คล้ายกับ "ประธานาธิบดีหรือประธานาธิบดีที่เลือกไม่ได้รับอนุญาตให้ออกเหรียญมีม" อย่างไรก็ตามกฎหมายเช่นนี้ยังต้องได้รับลงลายมือจากประธานาธิบดีและได้รับการยอมรับจากศาลฎีกาฟิเดอรัลว่าไม่ล้มเหลวต่อรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีผลให้เกิดขึ้น

นั่นคือ หมายความว่า จะต้องผ่านทางช่องว่าวสามตัวของกฎหมาย การปกครอง และศาล พร้อมกันในที่สุดเพื่อที่จะปิดช่องว่าวในกรงสถาบันที่บิดาผู้ก่อตั้งของสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถฝันถึงได้

แต่อย่างน้อยก็ตอนนี้ที่ทรัมป์ยังคงความสำคัญและความแข็งแกร่งของเขา เขาจะไม่ยอมให้มีการผ่านกฎหมายที่ทำให้เสียหายตัวเองแบบนี้แน่นอน

นอกจากนี้การออกเหรียญอาจจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกในชุดของความพยายามที่คล้ายกันโดยทรัมป์ในอนาคต ทรัมป์เองเป็นนักธุรกิจสมาร์ทชั้นนำและมัสก์กำลังช่วยเขา ตามความเป็นจริงฉันไม่เชื่อว่ากลุ่มนักการเมืองจะสามารถเอาชนะทีมนำโดยสองนักธุรกิจเหล่านี้ได้

เนื่องจากนี้การต่อสู้ระหว่าง Ibrahimovic และ รัฐสภาเกี่ยวกับการทำลายระบบที่มีอยู่และการรักษาระบบที่มีอยู่กำลังจะเริ่มขึ้นกับการกลับมาของ Trump สู่ที่ว่าการของสหรัฐอเมริกา

และนี่คือการพนันที่มุ่งเน้นทิศทางและโชคชะตาของสหรัฐเป็นเวลาหลายร้อยปี

เมื่อสองพันปีก่อนมีการต่อสู้ที่คล้ายกันมากในกรุงโรม แต่ด้วยการปฏิรูปกองทัพของมาริอุสโดยซีซาร์ข้ามแม่น้ํารูบิคอนโดยผู้คนในงานศพของซีซาร์หิวโหยและเย็นชาและโสเภณีของแอนโทนีการเรียกร้องให้ประมาทด้วยการเรียก "ซีซาร์ใหม่" พรรครีพับลิกันพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชโดยซีซาร์ โรมค่อยๆเปลี่ยนจากยุคสาธารณรัฐเป็นระบบจักรวรรดิและจากนั้นก็เสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และรวดเร็วและในที่สุดก็จบลงอย่างไร้เหตุผลในเสียงร้องของ Praetorian Guards ที่ป่าเถื่อนสําหรับบัลลังก์

และคราวนี้ ความต้านทานของพรรครีพับลิกันจะแข็งแกร่งและตั้งใจมากขึ้นหรือว่า ออกฤทธิ์ของออกสตัสใหม่กำลังเดินหน้าไปสู่การบรรพชาลของเขา?

การเปิดตัวจบลงแล้ว,

ม่านลายของโรงละครกำลังเปิดอยู่,

เราจะเห็น

คำปฏิเสธ:

1. บทความนี้เป็นการเผยแพร่จาก [ ดันเต้โดยแม่น้ำเลเธ่]. ลิขสิทธิ์เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ [Konishi cicero]. หากคุณมีคำปรึกษาใด ๆ เกี่ยวกับการเผยแพร่ซ้ำ โปรดติดต่อเกตเรียนทีม และทีม จะดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด
2. คำเตือน: มุมมองและความคิดเห็นที่แสดงในบทความนี้แสดงเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่เป็นที่แนะนำในการลงทุนใด ๆ
3. เวอร์ชันภาษาอื่นของบทความถูกแปลโดยทีมงาน Gate Learn ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น บทความที่ถูกแปลอาจไม่สามารถคัดลอก แจกจ่ายหรือลอกเลียนแบบได้