เงินเฟ้อคืออะไร นี่คือผลกระทบที่มีต่อคุณ

2022-04-11, 04:11

เงินเฟ้อคืออะไร

เงินเฟ้อเป็นคำกว้างๆที่ใช้อธิบายการเพิ่มขึ้นของราคแต่มูลค่าไม่เพิ่ม ซึ่งบ่งชี้การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้คน

อะไรทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

สาเหตุหลักคือความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น การปล่อยสกุลเงินมากขึ้นและการลดลงของอัตราภาษี

ภาวะเงินเฟ้อส่งผลต่อคุณอย่างไร

สิ่งของแพงขึ้นในขณะที่จำนวนเงินที่คุณหามาได้เพื่อซื้อของยังคงเท่าเดิม นอกจากนี้ยังบิดเบือนราคาและทำให้ผู้คนติดตามค่าครองชีพปกติได้ยากขึ้น

เราควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่

รัฐบาลไม่สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้แต่มีมาตรการบางอย่างที่รัฐบาลสามารถใช้เพื่อลดผลกระทบได้ ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มรางวัลอันดับการลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนประหยัดเงินและช่วยให้ลงทุนอย่างปลอดภัย

เงินเฟ้อดีหรือไม่ดี

เงินเฟ้อจะเลวร้ายก็ต่อเมื่อไม่สามารถควบคุมได้ในอัตราที่สูงและไม่คาดฝัน เมื่อภาวะเงินเฟ้อเพิ่มค่อยๆเพิ่มขึ้นและคนทั่วไปแทบจะไม่สามารถสังเกตได้ นี่เป็นหนึ่งในข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดสำหรับบริษัทต่างๆที่ระบุว่าเศรษฐกิจในประเทศใดประเทศหนึ่งกำลังเติบโตและเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยต่อการลงทุนและจัดตั้งธุรกิจ

คำว่า “เงินเฟ้อ” ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่อภิปรายกันเรื่องการเงินเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในระบบเศรษฐกิจตะวันตกหรือตะวันออก ตลาดดั้งเดิม หรือสกุลเงินดิจิทัล หัวข้อนี้ดูเหมือนจะหาวิธีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายเกี่ยวกับการลงทุนอยู่เสมอ

แม้ว่าจะเป็นคำที่ใช้กันมากที่สุดในวงการการเงินในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่จริงๆแล้วมันคืออะไร และมันส่งผลต่อชีวิตของผู้คนอย่างไร ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าเงินเฟ้อคืออะไรและผลกระทบที่มีต่อชีวิตของผู้คนเช่นคุณและฉัน

เงินเฟ้อคืออะไร

เงินเฟ้อเป็นคำกว้างๆที่ใช้อธิบายการเพิ่มขึ้นของราคาแต่มูลค่าไม่เพิ่ม แม้ว่าส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับราคาขายปลีกของผลิตภัณฑ์ แต่ก็อาจเกี่ยวข้องกับการเช่า อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เงินเดือน และเป็นสาเหตุหลักว่าทำไมการซื้อของผู้คนมีความผันผวนทั้งๆที่รายได้เท่าเดิม

อธิบายอย่างย่อๆ มันบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้คน ในเศรษฐกิจของอเมริกา ชุดสินค้าและบริการดังกล่าวเรียกว่า “ตะกร้าสินค้า” ซึ่งวัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (CPI) ทุกเดือน ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ การขนส่ง เชื้อเพลิง ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า นันทนาการ และอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น หากอัตราเงินเฟ้อในปีที่กำหนดคือ 7% หมายความว่าราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยในช่วงเวลานั้นคือ 07% เช่นกัน หากในปี 2021 คุณต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ ในปี 2022 รถคันเดียวกันนั้นอาจมีราคา 10,700 ดอลลาร์ ฟังดูไม่ได้แตกต่างกันมากเมื่อดูจากการซื้อครั้งเดียวแต่จำไว้ อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อทุกธุรกรรมในชีวิตประจำวันของผู้คนทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปมันจะสะสมเป็นความแตกต่างอย่างมาก

อะไรทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

เพื่อให้เข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของเงินเฟ้อ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าภาวะเงินเฟ้อทั้งหมดไม่เหมือนกัน ตามแนวทางปฏิบัติในการวัดตามมาตรฐาน เศรษฐกิจมักจะวัดเป็นสองประเภทคืออัตราเงินเฟ้อระยะสั้นที่อาจเพิ่มขึ้นทุกเดือนและอัตราเงินเฟ้อระยะยาวที่สามารถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่ง สอง สามปีหรือมากกว่านั้น สิ่งเหล่านี้เป็นวัฏจักรในเศรษฐกิจที่จะมีผลกระทบต่อคนอื่นเสมอ เป็นไปไม่ได้เสมอไปที่จะแยกแยะสาเหตุของความแปรปรวนของภาวะเงินเฟ้อ แต่นี่คือเหตุผลมาตรฐานสำหรับผลกระทบระยะสั้นและผลกระทบระยะยาวตามปกติ

สาเหตุของเงินเฟ้อระยะสั้น

· ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น: หากความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก บริษัทจะจัดหาสินค้าให้กับลูกค้าได้ยากขึ้น ในกรณีนี้บริษัทมักจะขึ้นราคาจึงทำให้เกิดเงินเฟ้อ

· ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น: เรียกได้ว่าวัสดุที่สำคัญในการก่อสร้างอาคารเริ่มขาดแคลนแล้ว บริษัทที่จัดหาวัตถุดิบก็ขึ้นราคา ทำให้ค่าก่อสร้างแพงขึ้นทั่วโลก

สาเหตุของเงินเฟ้อในระยะยาว

· การปล่อยสกุลเงินที่เพิ่มขึ้น: เมื่อค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสูงกว่าที่พวกเขาจะสามารถจ่ายได้ เป็นเรื่องปกติที่จะ

“พิมพ์” เงินออกมามากขึ้น กล่าวคือเพื่อให้มีสกุลเงินหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อชำระค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น US Federal Reserve ได้พิมพ์เงินในปี 2020 และ 2021 เพียงประมาณ 25% ของดอลลาร์สหรัฐทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน

· การลดอัตรา: เมื่อรัฐบาลลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม การลงทุนของผู้คนในตราสารหนี้จะลดลงและเงินทุนจะลดลงในขณะที่เงินกู้มีแนวโน้มที่จะถูกลงเพื่อจูงใจเศรษฐกิจในท้องถิ่น แม้ว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์และเป็นที่รู้จักในการกระตุ้นการบริโภคและการผลิต แต่ในระยะยาวจะนำไปสู่ความต้องการทั่วไปที่เพิ่มขึ้นสูงซึ่งมักจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคงอยู่ในระยะยาว

เงินเฟ้อส่งผลต่อคุณอย่างไร

ราคาน้ำมันในสหรัฐอเมริกาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเร็วๆนี้ ที่มา: Poynter

พูดง่ายๆก็คือ สิ่งของต่างๆจะแพงขึ้นในขณะที่จำนวนเงินที่คุณหามาได้เพื่อซื้อสินค้ายังคงเท่าเดิมซึ่งเรียกว่าค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียกำลังซื้อ อัตราเงินเฟ้อยังบิดเบือนราคาและทำให้ผู้คนติดตามค่าครองชีพตามปกติได้ยากขึ้น ในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อรุนแรง ดังที่เห็นในเวเนซุเอลาและอาร์เจนตินาเมื่อเร็วๆนี้ ราคาจะสูงขึ้นมากในแต่ละวันและอาจนำไปสู่การสูญเสียโดยสมบูรณ์ในการจับทรัพยากรและหนทางเอาตัวรอดของผู้คน

ตัวอย่างล่าสุดของอัตราเงินเฟ้อระยะสั้นที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วถูกพบในสหรัฐอเมริกา อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งในปัจจุบันระหว่างรัสเซียและยูเครน สหรัฐฯหยุดนำเข้าน้ำมันสำหรับเชื้อเพลิงจากรัสเซีย ภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์หลังจากการตัดสินใจ ราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้นถึง 22% ส่งผลกระทบต่อการขนส่งส่วนบุคคลและภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ

อัตราเงินเฟ้อส่งผลต่อตลาดคริปโตอย่างไร

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯในรอบร้อยปี ที่มา: Khan Academy

วิธีที่อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อคริปโตนั้นคล้ายกับผลกระทบต่อการลงทุนและตลาดการเงินที่แตกต่างกันทั้งหมด ความจริงก็คือมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆที่นำไปสู่อัตราเงินเฟ้อสูง มันขึ้นอยู่กับว่าระยะสั้นหรือระยะยาวและแน่นอนขึ้นอยู่กับว่าอัตราเงินเฟ้อสูงได้อย่างไร

ส่วนใหญ่แล้ว อัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งรวมถึงหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล นั่นเป็นเพราะว่าการนำเงินทุนที่เหลือของคุณไปลงทุนในทรัพย์สินที่มูลค่ากำลังเพิ่มขึ้นมักจะเป็นข้อตกลงที่ดีกว่าปล่อยให้เงินอยู่ในบัญชีเฉยๆและค่อยๆสูญเสียมูลค่าการซื้อไป

ตัวอย่างเช่น เรามีวิกฤตเศรษฐกิจ Covid-19 ในปัจจุบัน เมื่อมีการประกาศครั้งแรกว่าโลกกำลังเข้าสู่โรคระบาดอย่างเป็นทางการ ตลาดทุกแห่งดิ่งลงแทบจะในทันที จากนั้นประเทศต่างๆก็เริ่มให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ประชากรของพวกเขา รวมถึงค่าจ้างและการตรวจสอบสวัสดิการเพื่อให้ผ่านไปได้ในขณะที่โลกเข้าสู่การล็อกดาวน์หลายครั้ง ในช่วงนี้รัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจ เช่น พันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่เรากล่าวถึงก่อนหน้านี้ ตลาดได้ทำลายเพดานก่อนหน้านี้ซึ่งตลาดคริปโตมีมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะที่ดัชนี เช่น Nasdaq, S&P 500 และ Dow Jones ทำลายสถิติที่ผ่านมาทั้งหมด

โดยการย้อนรอยประสบการณ์ในอดีตเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับภาพที่แสดงด้านบน เราสามารถเปรียบเทียบระหว่างช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูงและการบริโภคและการลงทุนที่สูงได้ ช่วงอัตราเงินเฟ้อที่สูงในช่วงทศวรรษ 1950 จนถึงต้นทศวรรษ 1980 เป็นจุดสูงสุดของสิ่งที่เรียกว่า American dream ที่ตลาดทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าขึ้นและหุ้นยังคงทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง เมื่ออัตราเงินเฟ้อต่ำ ประชาชนนิยมใช้เงินมากกว่าที่จะนำไปลงทุนใหม่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Bitcoin จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 และค่อยๆลดลงพร้อมกับตลาดหุ้นเมื่อรัฐบาลทั่วโลกประกาศว่าพวกเขากำลังใช้มาตรการเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ภาวะเงินเฟ้อนำไปสู่การใช้จ่ายมากขึ้นและสำหรับผู้ที่มีเงินเหลืออยู่เป็นจำนวนมากให้นำเงินไปลงกับสินทรัพย์ที่กำลังมีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่าที่จะเก็บไว้ในรูปแบบเงินปกติ

เราควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่

ควบคุมได้และไม่ได้ รัฐบาลไม่สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างสมบูรณ์ แต่มีมาตรการบางอย่างที่รัฐบาลสามารถใช้เพื่อลดผลกระทบได้ ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มรางวัลอันดับการลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนประหยัดเงินและทำให้การลงทุนปลอดภัย ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบน้อยลงซึ่งหวังว่าจะทำให้สินทรัพย์เสื่อมค่าลง การเพิ่มภาษีสามารถทำได้ในทางตรงข้าม โดยกระตุ้นให้ผู้คนใช้จ่ายมากขึ้นในขณะที่รายได้ที่เหลือของพวกเขาจะถูกเก็บไว้โดยรัฐบาลซึ่งจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าการตัดสินใจเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและการแก้ปัญหาแต่ละอย่างก็มีลักษณะหลากหลายที่อาจนำไปสู่ปัญหาระยะยาวในเศรษฐกิจของประเทศ ไม่มีอะไรที่เป็นสีขาวดำเมื่อพูดถึงภาวะเงินเฟ้อและทุกการตัดสินใจก็มีผลที่ตามมาเพื่อสร้างสมดุล

ภาวะเงินเฟ้อดีหรือไม่ดี

เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมและการเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆและมั่นคง ภาวะเงินเฟ้อเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโต ด้วยการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอและกำลังซื้อของผู้คนตามอัตราที่ดี ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่คนมักจะเชื่อกันว่าภาวะเงินฝืดที่ตรงกันข้ามกับภาวะเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อประเทศ หากราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจะเลือกที่จะไม่ใช้จ่ายเงินเพราะสามารถซื้อในราคาที่ดีกว่าได้ในภายหลัง ส่งผลให้ธุรกิจไม่มีกำไร สินค้าและบริการซบเซาและเศรษฐกิจหดตัว

ภาวะเงินเฟ้อจะเลวร้ายก็ต่อเมื่อไม่สามารถควบคุมได้ในอัตราที่สูงและไม่คาดฝัน เมื่อการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและประชาชนทั่วไปแทบจะสังเกตไม่เห็น นี่เป็นหนึ่งในข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดสำหรับบริษัทต่างๆที่ระบุว่าเศรษฐกิจในประเทศใดประเทศหนึ่งกำลังเติบโตและเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยในการลงทุนและจัดตั้งธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของความสมดุลอย่างแท้จริง

ผู้เขียน: นักวิจัย Gate.io: Victor Bastos

-บทความนี้แสดงความเห็นของผู้วิจัยเท่านั้น และไม่ถือเป็นข้อเสนอแนะในการลงทุนใดๆ

-Gate.io ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในบทความนี้ อนุญาตให้โพสต์บทความซ้ำโดยอ้างอิงถึง Gate.io ทั้งนี้ Gate.io จะดำเนินการทางกฎหมายสำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกกรณี