เป็นเวลานานที่มูลนิธิ Ethereum ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการขาดความโปร่งใสการไม่สนใจเสียงของชุมชนและการใช้จ่ายที่มากเกินไป โครงสร้างความเป็นผู้นําและการตัดสินใจของบุคลากรยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก นอกจากนี้ การเทขาย ETH ขนาดเล็กบ่อยครั้งและการเฉยเมยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนได้กระตุ้น FUD อย่างต่อเนื่องและค่อยๆ ทําลายความเชื่อมั่นของตลาด เมื่อเร็ว ๆ นี้สมาชิกชุมชนและนักพัฒนา Ethereum จํานวนมากได้ย้ายไปที่ Solana ทําให้ระบบนิเวศของ Ethereum อยู่ในวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดูเหมือนว่าเวลากําลังจะหมดลงสําหรับ Ethereum

อย่างไรก็ตามภายใต้แรงกดดันและการวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้นจากชุมชนมูลนิธิ Ethereum และ Vitalik Buterin ดูเหมือนจะยอมรับความเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงในที่สุด ในการตอบสนองพวกเขาเพิ่งประกาศการตัดสินใจที่สําคัญสองประการ: จัดสรร 50,000 ETH (ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์) เพื่อเข้าร่วมในระบบนิเวศ Ethereum DeFi และดําเนินการปรับโครงสร้างความเป็นผู้นําเกือบตลอดทั้งปี บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบของการมีส่วนร่วมของมูลนิธิ Ethereum ใน DeFi จากสามด้าน: ภูมิหลัง ความสําคัญ และแนวโน้มในอนาคต

ทำไม Ethereum Foundation เลือกมีส่วนร่วมอย่างมากใน DeFi ละครับ?

การจัดการกองทุนที่มีความหมุนเวียน

การวิธีการจัดการเงินของมูลนิธิ Ethereum มีความ kontroversial มานานแล้ว ตามรายงานที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567“สรุปรายงานมูลนิธิ Ethereum: คลังเงิน 970 ล้านเหรียญ, 99.45% ของคริปโตถือครองใน ETH”พอร์ตการเงินของมูลนิธิลดลงจาก 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 31 มีนาคม 2022 เหลือเพียง 970 ล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 31 ตุลาคม 2024 - ลดลงเกือบ 40%

ในช่วงเวลานี้ รายจ่ายของมูลนิธิยังคงเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มจาก 48 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 ไปยัง 134.9 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 โดยมีส่วนใหญ่ของสินทรัพย์ของสมุดคลังถูกเก็บไว้ใน ETH มีการขาย ETH ขนาดเล็กๆ บ่อยครั้งพร้อมกับการใช้จ่ายและการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์เป็นปัจจัยสำคัญในการลดเงินทุน การขาย ETH ขนาดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหล่านี้ยิ่งทำให้ตลาดกังวลไปอีกต่อไป

หลายคนได้สงสัยว่าทำไมมูลนิธิต้องการขาย ETH แทนที่จะเดิมพันไว้ (และใช้ DeFi เพื่อเป็นการชดเชยงบประมาณที่ขาดแคลน) ตอบกลับว่า Vitalik ระบุว่าเรื่องกฎหมายและความเห็นต่อ hard fork เป็นเหตุผลหลักในอดีต แต่กับสภาพแวดล้อมที่ปรับปรุงขึ้นแล้ว มูลนิธิกำลังสำรวจกลยุทธ์การจัดการกองทุนใหม่ๆ

ความขัดแย้งของ "ไม่มีส่วนร่วมจริงใน DeFi"

การวิพากษ์วิจารณ์ที่สําคัญอีกประการหนึ่งคือข้อกล่าวหาที่ว่า "มูลนิธิ Ethereum ปฏิเสธที่จะใช้ Ethereum ในนามของความเป็นกลาง"

เป็นการตอบสนอง Ethereum Foundation พนักงาน Josh Stark กล่าวว่า “Ethereum Foundation มักใช้ Ethereum ตลอดเวลา - แลกเปลี่ยน ETH เป็น stablecoins (บ่อยครั้งผ่าน CoWSwap), จ่ายเงินให้กับผู้ได้รับทุนและสมาชิกทีมในรูปแบบ stablecoins และ ETH ทั้งใน mainnet และ L2s, และสนับสนุนการชำระเงินในเชือกบนโซนและการจองบัตรตามระบบ ID สำหรับงานเช่น Devcon และ Devconnect” อย่างไรก็ตาม สมาชิกชุมชน Ethereum Eric Conner ยังวิพากษ์วิจารณ์การใช้ ETH ของมูลนิธิเป็นเพียงการขายเท่านั้น

ความไม่พอใจของชุมชน

โครงสร้างความน่าเชื่อถือของ Ethereum Foundation, การใช้จ่ายมหาศาลและความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารกับชุมชนได้นำผู้ใช้และนักพัฒนาบางส่วนไปสู่การแข่งขันเช่น Solana

ถึงแม้ว่า Vitalik จะแถลงว่าเขาจะดูแลการเลือกทีมผู้นำใหม่ด้วยตนเองและกำลังทำการปฏิรูปเพื่อสร้างบอร์ดที่เหมาะสม แต่สิ่งนี้ยังไม่ได้บรรเทาความไม่พอใจของชุมชน แต่กลับได้ทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ในเวลาเดียวกันนี้ สิ่งนี้ยังเน้นให้เห็นถึงความคุ้มค่าของความรู้สึกของชุมชนและการพัฒนาของ Ethereum

ความดันการแข่งขัน

ในนิตยสาร Wired ปี 2023 สัมภาษณ์กับผู้อำนวยการผ-executive ฝ่าย Ethereum Foundation Aya Miyaguchi เธอกล่าวถึงว่าชุมชนรากฐานของ Ethereum ประกอบไปด้วยนักวิจัยและนักพัฒนาที่ค้นหาวิสัยทัศน์ของพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงกำไรมากนัก เธอเชื่อว่าวิสัยทัศน์และจิตใจนี้ได้สะท้อนกับผู้คนและผลักดันให้ชุมชนเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีอะไรผิดเกี่ยวกับการทำเงิน เธอเน้นที่ว่าเรื่องราวของบล็อกเชนมักถูกลดลงเป็นแผนการทำกำไร ซึ่งทำลายศักยภาพของเทคโนโลยี Ethereum Foundation ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาค่านิยมของชุมชน ต่อต้านเรื่องราวที่เน้นการแข่งขัน และปฏิเสธวัฒนธรรมที่เน้นไปที่ “การชนะ”

อย่างไรก็ตาม การมุ่งเน้นไปที่ความเห็นที่เป็นไปตามหลักการเทคนิคนี้ได้มีผลเสียที่ไม่ได้ตั้งใจ โครงการ DeFi ระยะต้นบางรายใน Ethereum ยังคงดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นระบบ ในทางตรงข้าม Solana Foundation และช่องทางอย่างเป็นทางการของมันให้การสนับสนุนและการโปรโมทให้กับโครงการที่เกิดขึ้นมีมากขึ้นและนักพัฒนามีทรัพยากรและการเปิดเผยต่อสาธารณะมากขึ้น ร่วมกับประสิทธิภาพที่สูงของ Solana ค่าธรรมเนียมต่ำและประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ราบรื่น Ethereum กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น การตัดสินใจของ Ethereum Foundation ในการจัดสรร 50,000 ETH ให้กับ DeFi อาจเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อความท้าทายนี้

ความสำคัญของมูลนิธิ Ethereum ที่จัดสรร 50,000 ETH เพื่อเข้าร่วมใน DeFi

สนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศ DeFi ของ Ethereum

การจัดสรร 50,000 ETH จะให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งให้กับระบบเอคอสิสต์ DeFi ของ Ethereum มูลนิธิ Ethereum วางแผนที่จะเข้าร่วม DeFi ผ่านกระเป๋าเซ็นสัญญาหลายภาษา 3/5 และได้เสร็จสิ้นธุรกรรมทดสอบบน Aave การฉีดเงินนี้จะไม่เพียงแต่จะให้ Likidity ให้กับโครงการ DeFi ที่มีอยู่แล้ว แต่ยังสนับสนุนให้เกิดโครงการนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้ Ethereum มีตำแหน่งนำในอุตสาหกรรม DeFi อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โดยการเข้าร่วม DeFi มูลนิธิจะสามารถเข้าใจความต้องการและความท้าทายของระบบนี้ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้มูลนิธิสามารถพัฒนากลยุทธ์การสนับสนุนที่แม่นยำยิ่งขึ้น

สำรวจโมเดลใหม่ของการจัดการกองทุน

โดยมีส่วนร่วมใน DeFi มูลนิธิ Ethereum กำลังพยายามสร้างแบบจัดการกองทุนที่เปิดกว้างและยั่งยืนมากขึ้น โดยหันหน้าออกจากแนวทาง "ขาย, ขาย, ขาย" อย่างง่ายดาย คาดหวังว่ารางวัลจากการ Stake และผลตอบแทนจาก DeFi จะช่วยครอบคลุมส่วนหนึ่งของงบประมาณภายในของมูลนิธิ วิธีการใหม่นี้ไม่เพียงช่วยลดความกังวลของตลาดในการขายของมูลนิธิเท่านั้น แต่ยังเพิ่มชีวิตชีวาและความเชื่อมั่นให้กับระบบนี้มากขึ้น

เพิ่มความมั่นใจในชุมชน

การที่มูลนิธิดำเนินการนี้ถูกอธิบายโดยชุมชนว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่สามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นใหม่ ๆ โดยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ ปรับปรุงการใช้เงินทุน และรักษาการสื่อสารโปร่งใสกับชุมชน มูลนิธิก็มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนใหม่ ๆ สิ่งที่โปร่งใสและการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นนี้ไม่เพียงเสริมความเชื่อมั่นของชุมชนเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักพัฒนาและผู้ใช้มากขึ้นในระบบนิเวศ Ethereum ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรงในระยะยาวสำหรับ Ethereum

ความท้าทายและความเสี่ยง

เหมือนที่ Vitalik ได้เน้นไว้ก่อนหน้านี้ มูลนิธิจะไม่หาเสนอเสนห์กับผู้กำกับหรือเปลี่ยนแปลงทิศทางของ "ความเป็นกลางที่น่าเชื่อถือ" แต่การดูแลความดันทางกฎหมายพร้อมกับการมีส่วนร่วมใน DeFi ยังคงเป็นความท้าทาย นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนสูงของระบบ DeFi อาจมีผลต่อผลตอบแทนที่คาดหวังของมูลนิธิ ในขณะที่ผลตอบแทนจากการ stake และ DeFi มีความคาดหวังที่จะครอบคลุมบางส่วนของงบประมาณของมูลนิธิ การเปลี่ยนแปลงของตลาดและความเสี่ยงของโปรโตคอลยังต้องรับมือด้วยความระมัดระวัง ในช่วงระยะเวลาสั้นถึงกลางระยะ มูลนิธิ Ethereum จะลำดับความสำคัญในโอกาสที่เสถียรและมีความเสี่ยงต่ำเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งความปลอดภัยของเงินทุนและผลตอบแทนที่สามารถคาดเดาได้

สรุป

การจัดสรรของมูลนิธิ Ethereum จำนวน 50,000 ETH เพื่อเข้าร่วมระบบ DeFi เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการจัดการกองทุนและทิศทางกลยุทธ์ของมูลนิธิ การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงเพิ่มชีวิตชีวาใหม่ในนิเวศ Ethereum เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาอนาคตของมูลนิธิ

ตามที่ Joseph Lubin ผู้ก่อตั้ง Consensys กล่าวว่า 'มูลนิธิ Ethereum, สมาคม Enterprise Ethereum Alliance (EEA) และ Consensys กำลังทำงานร่วมกันในหลายๆ โครงการที่จะทำให้การส่งเสริมตลาดของ Ethereum เปลี่ยนแปลงในระยะสั้น ต่อมา จะมีแผนราคาสูงที่จะเปิดเผย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ว้าวุ่นและทำให้ตกใจ'

ในความคิดของฉัน นอกเหนือจาก DeFi Ethereum ควรสอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมและส่งเสริมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น เอไอเอเจนต์และทรัพย์สินในโลกจริง (RWA) อีกด้วย นอกจากนี้ มูลนิธิควรให้การสนับสนุนและคำแนะนำเพิ่มเติมให้กับสตาร์ทอัพ และผ่านการรวมทรัพยากรและความร่วมมือในระบบนิเวศ ช่วยให้โครงการเหล่านี้เปลี่ยนจากการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีระเบียบเป็นการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง แค่เท่านั้น Ethereum จะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในการแข่งขันที่ดุเดือดได้

คำเตือน:

1. บทความนี้ถูกสืบทอดมาจาก [ ForesightNews]. ลิขสิทธิ์เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ [KarenZ, Foresight News]. If you have any objection to the reprint, please contact เกตเรียนทีมจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด
2. ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: มุมมองและความคิดเห็นที่แสดงในบทความนี้เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่เป็นการให้คำแนะนำในการลงทุนใดๆ
3. เวอร์ชันภาษาอื่นของบทความถูกแปลโดยทีม Gate Learn ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น บทความที่ถูกแปลอาจไม่สามารถคัดลอก แจกจ่าย หรือลอกเลียนแบบได้